เอสซีจี (SCG) หนึ่งในผู้นำธุรกิจแบบครบวงจรในภูมิภาค ได้รับการจัดอันดับที่ 21 ของบริษัทที่มีรายได้สูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการประกาศรายชื่อ Fortune Southeast Asia 500 ประจำปี 2568 นับเป็นการติดอันดับต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ตอกย้ำสถานะของ SCG ในฐานะองค์กรชั้นนำที่โดดเด่นทั้งด้านศักยภาพในการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืนด้วยหลัก ESG (Environmental, Social, Governance) และความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน
ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความภาคภูมิใจและความมุ่งมั่นของ SCG ในการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยหลัก ESG อย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน นวัตกรรมสีเขียว (Green Innovation) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืน SCG ไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างทันท่วงที ยกตัวอย่างเช่น ปูนเอสซีจีคาร์บอนต่ำ ที่กำลังพัฒนาไปสู่ Gen 3 ซึ่งสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 40% ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ SCG ยังคงแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ในการขยายการส่งออกสินค้าคุณภาพสูง อาทิ ปูนเอสซีจีคาร์บอนต่ำ กระเบื้องคอนกรีต สมาร์ทบอร์ด กระดาษบรรจุภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์อาหาร ไปยังตลาดใหม่ที่มีศักยภาพทั่วโลก

นอกเหนือจากนวัตกรรมที่โดดเด่น SCG ยังให้ความสำคัญกับการบริหารธุรกิจแบบ องค์กรคล่องตัว (Agile Organization) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก และนำเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมาประยุกต์ใช้เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการบริหารงานบุคคลที่มุ่งสู่การเป็น องค์กรแห่งโอกาสสำหรับทุกคนอย่างเท่าเทียม (Organization of Possibilities) เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมการเติบโตและพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทุกคน

การจัดอันดับ Fortune Southeast Asia 500 โดยนิตยสาร Fortune ในปีนี้ นับเป็นปีที่สองที่มีการรวบรวมรายชื่อ 500 บริษัทที่มีรายได้สูงสุดในภูมิภาค โดยพิจารณาจากรายได้ในปีงบประมาณ 2567 ครอบคลุม 7 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา โดยบริษัททั้งหมดในรายชื่อประจำปี 2568 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1.82 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2567 เพิ่มขึ้น 1.7% จาก 1.79 ล้านล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า

การติดอันดับของ SCG ใน Fortune Southeast Asia 500 ไม่เพียงแต่เป็นความภาคภูมิใจขององค์กร แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในฐานะภูมิภาคที่มีศักยภาพและความยืดหยุ่นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของห่วงโซ่อุปทานโลกที่กำลังปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว SCG พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาที่สำคัญนี้ และจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาคสู่อนาคตที่สดใส
สำหรับรายชื่อ Fortune Southeast Asia 500 ประจำปี 2025 สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://fortune.com/asia/ranking/southeast-asia-500/