เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเรามีโอกาสเดินทางไปประเทศทางยุโรป ทวีปยุโรปเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก เศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก คมนาคมส่วนใหญ่จะเป็นระบบรถราง เช่น รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน และรถไฟความเร็วสูง ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการคมนาคมระหว่างเมืองและระหว่างประเทศ อีกทั้งเป็นบ้านของนักฟุตบอลมืออาชีพที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก อย่างสโมสรฟุตบอล “บาเยิร์นมิวนิค”
มิวนิคเป็นเมืองร่ำรวยด้วยศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบบารอคเต็มไปด้วยเสน่ห์และกลิ่นอายวัฒนะธรรมแบบบาวาเรียนแท้ๆ เราเลือกเดินทางมาพักที่มิวนิคประเทศเยอรมนีประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องเบียร์และไส้กรอกเยอรมนี สัมผัสกับอากาศที่หนาวเย็นพอควร อากาศราวๆ ประมาณ 0-5 องศา เราใช้เวลาในการเดินทางแบบ Direct Flight จากสุวรรณภูมิถึงมิวนิค13 ชั่วโมงเราวางแผนการเดินทางในครั้งนี้ประมาณ 3 สัปดาห์ มาดูกันนะคะว่าการเดินทางครั้งนี้เราจะพาไปเที่ยวเมืองไหนบ้าง มิวนิค เมืองที่มีเสน่ห์แห่งแคว้นบาวาเรีย
มิวนิคเคยได้รับการโหวตให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในเยอรมนีมาแล้ว มิวนิค (Munich) หรือที่เรียกในภาษาเยอรมนีว่ามึนเชน (Munchen) เป็นเมืองใหญ่อันดับสามของประเทศเยอรมนีเป็นศูนย์กลางธุรกิจและคมนาคมในเยอรมนีตอนใต้เป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย (Bavaria) หรือ บาเยิร์น (Bayern) ในภาษาเยอรมนี ซึ่งมีพรมแดนติดเทือกเขาแอลป์ รัฐบาวาเรียเคยเป็นรัฐอิสระปกครองด้วยกษัตริย์ ก่อนที่จะผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนี จึงมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรมและอาหารหลังจากที่เราพักผ่อนอย่างเต็มที่หลังจากการเดินทางที่แสนยาวนานแล้ว ทำให้อยากออกไปสัมผัสบรรยากาศเมืองบาวาเรียนกันแล้ว ว่าแล้วเราออกเดินทางกันเลย ที่แรกที่เราเลือกไปซึ่งเดินทางจาก Subway เพื่อไปชมความงามของ จัตุรัสมาเรียนพลาตซ์ จัตุรัสมาเรียนพลาตซ์ (Marienplatz) เป็นหัวใจของเขตเมืองเก่าเป็นศูนย์กลางการจัดงานสำคัญทางวัฒนธรรมต่างๆ มาเรียนพลาตซ์ มีสิ่งที่น่าชมมากมาย อาทิ Mariensaule รูปปั้นพระแม่มารีทองคำบนเสาสูงและศาลาว่า
การเมืองใหม่ (Neuse Rathaus) ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ Glockenspiel หอระฆัง ที่มีตุ๊กตาออกมาเต้นระบำ เวลา 11 โมงเช้าในหน้าหนาว และเพิ่มรอบ 5 โมงเย็นในหน้าร้อนที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ห้ามพลาด ถ้าใครมาแล้วจะต้องแวะมาถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก พร้อมชมความงามของสถาปัตยกรรม แม้แต่ชาวเมืองที่นี่ก็นิยมมาที่จตุรัสมาเรียนพลาตซ์ เพื่อมาดูหอนาฬิกา มาช้อปปิ้ง และก็มาหาอะไรทานกัน รอบๆ จัตุรัสจะมี ร้านค้า แบรนด์เนม มากมาย นับเป็นย่าน shopping ที่มีร้านค้ามากที่สุดแห่งหนึ่ง
วันที่ 2 เราเดินทางโดยรถบัสเพื่อไปชม “พิพิธภัณฑ์ศิลปะเก่า” (Museum The AltePinakothek) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ สำหรับแสดงภาพวาดภาพพระราชอิริยาบถของพระมหากษัตริย์ บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ และทุกเรื่องราวถูกสื่อสารผ่านภาพวาดสีน้ำมัน“พิพิธภัณฑ์ศิลปะเก่า” ตั้งอยู่ที่ คุนสท์อาเรอาล เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี เป็นพิพิธภัณฑ์ ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งและเป็น 1 ในสาม พิพิธภัณฑ์ ของ Alte Pinakothek ในวันที่เราเดินทางไปอาคารพิพิธภัณฑ์เก่าอยู่ระหว่างการปรับปรุง แต่สามารถเข้าชมในส่วนของภาพวาดศิลปะซึ่งมีทั้งภาพปกติ,ภาพของศิลปินชื่อดังระดับโลกและภาพศิลปะของชาวดัตช์
จากนั้นเราไปต่อที่ อาคารสำนักงานใหญ่ BMW หรือที่เรียกกันว่า BMW Head Quarters ตั้งอยู่ที่ถนน Lerchenauer ใกล้กับโอลิมปิคสเตเดียม หากขับรถผ่านไปแถวนั้นจะรู้สึกได้ทันทีว่า ที่นี่มันคือศูนย์กลางแห่งอาณาจักร BMW ของโลกชัดๆ ด้วยพื้นที่กว้างขวางสุดสายตา อาคารสูงเสียดฟ้ารูปทรงกระบอกตั้งตระหง่านอยู่ใจกลาง พร้อมอาคารรูปทรงแปลกตา ภายในแบ่งพื้นที่แสดงเป็น 2 โซน คือ
1.) BMW Welt โลกแห่งยนตรกรรมของ BMW ที่นี่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาสัมผัสกับรถยนต์โฉมปัจจุบันทุกรุ่นในเครือของ BMW อาทิ BMW, MINI และ Rolls-Royce และเป็นศูนย์รับรถของลูกค้า ที่ต้องการมารับรถถึงหน้าโรงงาน
2.) BMW Museum หรือ พิพิธภัณฑ์ BMW โซนนี้โชว์รถยนต์และรถจักรยานยนต์ของ BMW ยนตรกรรมที่เป็นตำนานตั้งแต่ปี 1923 สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมผ่านยนตรกรรมในแต่ละสมัยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่เพียงแต่ให้ความรู้เรื่องรถยนต์เท่านั้น แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้เข้าชมในหลายๆ ด้าน แม้แต่ด้านสถาปัตยกรรม BMW Head Quarters ก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างงานสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงในเมืองมิวนิค เราแวะมาชมโอลิมปิก ปาร์กศูนย์กีฬาขนาดใหญ่สร้างขึ้นเพื่อใช้สำหรับจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนในปี 1972 ปัจจุบันนี้โอลิมปิกปาร์กเปรียบเหมือนส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของชีวิตชาวเมือง ที่นี่เป็นที่ตั้งของแลนด์มาร์กสมัยใหม่ที่สำคัญ 2 อย่างของมิวนิค คือ หอโทรคมนาคม สูง 290 เมตร เราได้ขึ้นไปหอคอย Olympiaturm 360 องศา เพื่อชมวิวของเมืองมิวนิคและสเตเดี้ยมทันสมัยสร้างแบบหลังคาเต็นท์ด้วยแท่งสลิงเหล็กยึดแขวนแผ่นอะครีลิกโปร่งแสงที่คลุม เป็นหลังคาเหมือนใยแมงมุม ถ้าไม่กลัวความสูง สามารถขึ้นลิฟต์ไปชมวิวชั้นบนสุดได้ โดยนักท่องเที่ยวจะต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 4.50 ยูโรค่ะ
พระราชวังนึมเฟนบูร์ก (Nymphenburg) พระราชวังเก่าแก่อันยิ่งใหญ่แห่งนี้พระราชวังนึมเฟนบูร์กเป็นพระราชวังที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในมิวนิค ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกไกลออกไปจากตัวเมืองมิวนิคเล็กน้อยการเดินทางไปพระราชวังนั้นสุดแสนจะง่ายดายเรานั่งรถรางสาย 17 จากสถานี Hauptbahnhof นั่งไปลงที่สถานี SchlossNymphenburg อันเป็นที่ตั้งของพระราชวัง ใช้เวลา 20 นาทีก็ถึงที่หมาย พระราชวังนึมเฟนบูร์กสร้างขึ้นตามพระประสงค์ของผู้ปกครองบาวาเรียน Ferdinand Maria และ Henriette Adelaide แห่งซาวอย โดยให้สร้างเป็นพระราชวังฤดูร้อนหลังจากที่พระราชโอรส Max Emanuel ประสูติในปี 1662 ในช่วงที่กษัตริย์ Max Emanuel ครองราชย์ ก็ได้มีการขยายพระราชวังแห่งนี้ออกไปเป็นอย่างมากและตกแต่งตามสไตล์แฟชั่นล่าสุดของฝรั่งเศส ผู้ปกครองรุ่นต่อๆ มาก็ได้เพิ่มองค์ประกอบการออกแบบเข้าไปเรื่อยๆ ให้เหมาะกับยุคสมัยของตนเดิมทีส่วนภายนอกของพระราชวังนึมเฟนบูร์กได้รับการออกแบบในสไตล์บารอคซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนจากสวน Grand Parterre อันหรูหรา นอกจากนี้ยังมีฝูงหงส์ลอยตัวไปมาใกล้กับน้ำพุและคลองที่อยู่ตรงกลาง ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ได้มีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ส่วนนอกขนานใหญ่ให้กลายเป็นสวนแบบคลาสสิกที่นี่มีทัวร์แบบครอบคลุมซึ่งจะพาคุณไปชมความสวยงามหลายๆ จุดทั่วพระราชวัง ไปที่ Great Hall เพื่อชื่นชมการตกแต่งภายในที่เลิศหรูและเพดานที่มีการวาดภาพลงสี อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวก็คือ “แกลลอรี่แห่งหญิงงาม” ของกษัตริย์ลุดวิกที่ 1 ซึ่งเป็นคอลเลกชั่นภาพวาดหญิงงาม 36 คนซึ่งมีภูมิหลังแตกต่างกันไปในเมืองมิวนิคยุคศตวรรษที่ 19 ห้องบรรทมของพระราชินีช่วยเพิ่มความสมจริงให้กับพระราชวังนี้ ซึ่งคุณจะได้ชมของใช้ส่วนพระองค์ที่ตกแต่งห้องที่กษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ประสูติ
Pinakothek der Moderne ไฮไลท์ของย่านศิลปะแห่งเมืองมิวนิค ตั้งอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี ที่นี่นำเสนอนิทรรศการศิลปะสมัยใหม่ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ออกแบบโดยสถาปนิกชาวเยอรมนี Stephan Braunfels และเปิดในปี 2002 พื้นที่จัดแสดงแบ่งเป็นสี่ส่วนแยกเป็นพื้นที่สำหรับศิลปะ, สถาปัตยกรรม การออกแบบ และศิลปะกราฟิก และเชื่อมต่อกันด้วยห้องโถงกลมหลังคาโดมที่อยู่ตรงกลางซึ่ทางเข้านิทรรศการถาวรของที่นี่ประกอบด้วย Modern Art Collection ขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ที่ชั้นบนและ New Collection ที่ชั้นล่าง อย่าพลาดชม Modern Art Collection ซึ่งรวบรวมผลงานจากความเคลื่อนไหวทางศิลปะที่สำคัญทั้งหมดและศิลปินผู้มีชื่อเสียง เช่น Max Beckmann, Pablo Picasso และ Salvador Dalí ในขณะเดียวกันที่ส่วนสถาปัตยกรรมก็มีการจัดแสดงคอลเลกชันสถาปัตยกรรมพิเศษที่ใหญ่ที่สุดของเยอรมนีด้วยเช่นกัน ไฮไลท์ของส่วนนี้ประกอบด้วยแบบจำลองดั้งเดิมและภาพสเก็ตช์จากศิลปินชื่อดังในวงการสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ของโลก หากแวะมาที่ Pinakothek der Moderne แล้วอย่าลืมแวะชมคอลเลกชันศิลปะกราฟิกซึ่งรวบรวมภาพพิมพ์และภาพวาดไว้นับแสนชิ้น นอกจากนี้คอลเลกชั่นการออกแบบและการจัดแสดงคอลเลกช่ันถาวรอันน่าทึ่ง ซึ่งมีทั้งนิทรรศการเกี่ยวกับรากฐานของการออกแบบเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่ วัฒนธรรมคอมพิวเตอร์ และการพัฒนาการออกแบบยานพาหนะPinakothek der Moderne ตั้งอยู่ใกลักับ Alte Pinakothek และ Neue Pinakothek คุณสามารถใช้เวลาทั้งวันในการสำรวจพิพิธภัณฑ์ทั้งสามแห่งนี้ ที่นี่มีไกด์แบบมัลติมีเดียซึ่งให้บริการทั้งในภาษาเยอรมนีและอังกฤษพิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ รอบๆ Pinakothek der Moderne มีที่จอดรถแบบหยอดเหรียญ แต่มีจำนวนจำกัด หรือคุณจะนั่งรถโดยสารหรือรถรางมาลงที่ Pinakothek der Moderne โดยตรงก็ได้
การ์มิชพาร์เทนเคียร์เช่น (Garmisch-Partenkirchen) เป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ในเทือกเขาแอลป์ ในเขตที่เรียกว่า Wetterstein-Gebirge คนละเขตกับเทือกเขาแอลป์ในเมือง Mittenwald (เรียกว่า Karwendel-Gebirge) จริงๆแล้ว Garmisch-Partenkirchen แบ่งเป็นสองเขต คือ เขต Garmisch และเขต Partenkirchenที่นี่มีบ้านลวดลายสวยงามเป็นเอกลักษณ์สไตล์บาเยิร์นและยังเป็นประตูสู่ยอดเขาที่สูงที่สุดในเยอรมนีอีกด้วยเราจะขึ้นสู่ยอดเขา Zugspitze ซึ่งมีความสูงถึง 2962 เมตรกันที่นี่ค่ะเราไม่รอช้าซื้อตั๋วกระเช้าขึ้นไปยอดเขาทันที บรรยากาศระหว่างขึ้นจะมีรอบเวลา ในแต่ละรอบรอไม่นานก็ได้ขึ้นกระเช้านาทีระทึกใจที่จะขึ้นยอดเขาสูงคือระหว่างที่กระเช้ากำลังเลื่อนนั้นความรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาทันที ระหว่างที่ไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ผ่านภูเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะพร้อมอากาศหนาวมันเป็นภาพที่งดงามเกินกว่าจะบรรยายได้บนยอดเขามีร้านอาหาร
และเป็นเสมือนศูนย์รวมของนักกีฬาสกี เพราะนอกจากจะมีบริเวณกว้างขวางแล้วยังมีอุปกรณ์การเล่นสกีให้เช่าครบทุกประเภท เรามานั่งพักจิบไวน์แดงรสเยี่ยมเพื่อช่วยผ่อนคลายให้ร่างกายอบอุ่น อีกทั้งวันที่เรามาอากาศดีและมีแดดเยอะ เราเลยถือโอกาสเล่นหิมะและนอนอาบแดดกันบนยอดเขาสักครู่ ก่อนจะเดินทางลงมาที่กระเช้าที่จะพาเราลงสู่ด้านล่างอีกครั้ง