ในยุคที่ตลาดแรงงานและการทำงานเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การผสมผสานของคนต่างยุคสมัยในองค์กรเดียวกันได้สร้างพลวัตใหม่ที่น่าสนใจ ในฐานะ Memag Online เราให้ความสำคัญกับการนำเสนอเนื้อหาที่ทันสมัยและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกคน โดยเฉพาะการเผชิญหน้ากันระหว่าง Gen X (ผู้ที่เกิดระหว่างปี 1965-1980) ผู้เป็นกำลังสำคัญในการบริหารและขับเคลื่อนองค์กร กับ Gen Z (ผู้ที่เกิดตั้งแต่ปี 1997 เป็นต้นมา) ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่โลกการทำงานอย่างเต็มตัว แนวคิด ค่านิยม และแรงจูงใจที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงได้กลายเป็นประเด็นร้อนที่ทุกองค์กรต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง บทความนี้จะเจาะลึกความแตกต่างเหล่านั้น พร้อมกับเสนอแนวทางที่จะเปลี่ยนความขัดแย้งให้เป็นพลังขับเคลื่อนที่ยั่งยืน จึงได้นำข้อมูลเชิงลึกจากรายงาน Deloitte Global 2025 Gen Z and Millennial Survey ที่สะท้อนให้เห็นถึง Mindset และความคาดหวังของคนรุ่นใหม่ในประเทศไทย

1.Work-Life Balance: จากการทุ่มเทสู่ความสำคัญของสุขภาพจิตที่เปลี่ยนไป
แนวคิดเรื่อง Work-Life Balance คือประเด็นแรกที่เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนสำหรับคนในยุค Gen X ที่เติบโตและผ่านช่วงเศรษฐกิจที่ผันผวนหลายครั้ง การทำงานหนักและความทุ่มเทคือเรื่องปกติและเป็นหนทางสู่ความมั่นคงในชีวิต การทุ่มเทเวลาให้องค์กรถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่จะนำมาซึ่งความก้าวหน้าและรางวัลที่คุ้มค่าในอนาคต
ในทางกลับกัน Gen Z มีมุมมองที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขามองว่า Work-Life Balance ไม่ใช่แค่สิทธิพิเศษ แต่เป็น “สิ่งจำเป็นพื้นฐาน” ที่ต้องมีไปพร้อมๆ กับการทำงาน จากผลสำรวจของ Deloitte พบว่าความสุขในการทำงานของคนรุ่นใหม่นั้นมาจาก “Trifecta” หรือสามปัจจัยที่ต้องสมดุลกัน ได้แก่ รายได้ที่มั่นคง (Money), งานที่มีความหมาย (Meaning) และ ความเป็นอยู่ที่ดี (Well-being) ซึ่งทั้งสามส่วนต้องมาพร้อมกันจึงจะทำให้พวกเขามีความสุขและรู้สึกเต็มที่กับชีวิตและการทำงานได้

รายงานยังชี้ให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ในไทยส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการที่นายจ้างตระหนักถึงปัญหาสุขภาพจิตของพนักงาน โดยพวกเขามองว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อความเครียดและวิตกกังวลมากที่สุดคือ ชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน และ การที่งานไม่มีความหมายหรือเป้าหมายที่ชัดเจน สิ่งนี้ตอกย้ำให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ไม่ได้ต้องการเพียงเงินเดือนที่สูง แต่ต้องการสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย


2. การปรับตัวขององค์กร: บทบาทของ AI และช่องว่างระหว่างผู้นำ
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ Gen Z และ Millennials ในไทยมีการใช้ Generative AI (GenAI) ในการทำงานประจำวันสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก 89% ของ Gen Z และ 81% ของ Millennials ยืนยันว่าพวกเขาใช้ GenAI อยู่แล้ว ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ พวกเขาเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้ช่วยให้มีเวลามากขึ้นและทำให้ Work-Life Balance ดีขึ้น รวมถึงช่วยให้ผลงานมีคุณภาพสูงขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม รายงานยังเผยให้เห็น “ช่องว่างของความเป็นผู้นำ (Leadership Gap)” ที่น่าสนใจ โดยคนรุ่นใหม่มีความคาดหวังสูงต่อผู้จัดการ แต่ในทางปฏิบัติประสบการณ์ที่ได้รับกลับสวนทางกัน โดยเฉพาะในประเด็นสำคัญที่ว่าคนรุ่นใหม่คาดหวังให้ผู้จัดการทำหน้าที่ “Set boundaries and ensure work-life balance” หรือกำหนดขอบเขตและสร้างสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิตส่วนตัวให้กับทีม ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้จัดการยุคเก่าอาจไม่คุ้นชินและไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควร


3. ทัศนคติต่อการเติบโตในอาชีพ: จาก “บันได” สู่ “แพลตฟอร์ม”
เมื่อพูดถึงความก้าวหน้าในอาชีพ แต่ละ Gen ก็มีแนวคิดที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง Gen X ถูกปลูกฝังให้มีความภักดีต่อองค์กร การไต่เต้าตำแหน่งในบริษัทเดียวตลอดชีวิตการทำงานถือเป็นความสำเร็จ แต่สำหรับคนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z และ Millennials แล้ว การพัฒนาตนเองคือหัวใจหลักในการก้าวไปข้างหน้า

86% ของ Gen Z และ 83% ของ Millennials ในไทยระบุว่าพวกเขาใช้เวลาพัฒนาทักษะอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อความก้าวหน้าในอาชีพ โดยมีเป้าหมายสูงสุดที่แตกต่างกัน คือ Gen Z มุ่งหวังที่จะมี อิสรภาพทางการเงิน (Financial Independence) เป็นอันดับแรก ขณะที่ Millennials ที่มีอายุมากกว่า ให้ความสำคัญกับ งานที่มั่นคงและปลอดภัย (Job Security) มากกว่า นอกจากนี้ “ค่าตอบแทนที่ดีกว่า” ยังเป็นเหตุผลอันดับต้นๆ ที่ทำให้คนไทยเปลี่ยนงาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความภักดีต่อองค์กรอาจไม่ใช่ปัจจัยหลักอีกต่อไป


4.Intergenerational Mentorship: ผสานความเก๋าเข้ากับความกล้า
ความแตกต่างที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหา แท้จริงแล้วคือโอกาสครั้งสำคัญสำหรับองค์กรที่จะใช้เป็นพลังขับเคลื่อน การสร้างวัฒนธรรมที่ส่งเสริม “Intergenerational Mentorship” คือหัวใจสำคัญ โดย Gen X ในฐานะผู้มีประสบการณ์สามารถเป็นพี่เลี้ยง (Mentor) ให้กับ Gen Z ได้ ในทางกลับกัน Gen Z ก็สามารถเป็นพี่เลี้ยง (Mentor) ให้กับ Gen X ได้เช่นกัน โดยการสอนเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ, การใช้เครื่องมือดิจิทัล, ความเข้าใจในวัฒนธรรมออนไลน์, และแนวคิดด้านความยืดหยุ่นที่กำลังเป็นเทรนด์
สร้างสะพานเชื่อมช่องว่าง
รายงานของ Deloitte ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคนรุ่นใหม่ไม่ได้มองหาแค่การไต่เต้าตำแหน่งในองค์กรอีกต่อไป แต่พวกเขากำลังมองหาอาชีพที่เติมเต็มความต้องการทั้งในด้านรายได้ ความหมายของงาน และความเป็นอยู่ที่ดี การที่องค์กรสามารถทำความเข้าใจและตอบสนองต่อ Mindset ที่เปลี่ยนไปเหล่านี้ได้ จะเป็นกุญแจสำคัญในการดึงดูดและรักษาคนเก่งไว้ในยุคแห่งการแข่งขันนี้ ผู้นำจำเป็นต้องสร้างสะพานเชื่อมช่องว่างระหว่างวัย โดยเปลี่ยนจากระบบการบริหารแบบเก่าไปสู่การเป็นโค้ชและที่ปรึกษาที่สนับสนุนการเติบโตของพนักงานทุกช่วงวัย ซึ่งจะทำให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน
Sources
Deloitte. (2025). Deloitte Global 2025 Gen Z and Millennial Survey – Country profile: Thailand. https://www.deloitte.com/
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์การตลาดและธุรกิจอื่น ๆ ได้ที่: https://www.memagazine.co.th/category/evolution/
ติดตาม Memag Online เพื่อไม่พลาดทุกอัปเดตและเคล็ดลับดีๆ ที่ส่งตรงถึงคุณ:
Facebook: https://www.facebook.com/MemagOnline
Instagram: https://www.instagram.com/memagonline/
TikTok: https://www.tiktok.com/@memagonline