ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภายใต้นโยบาย “Unlocking New Growth: ศักยภาพใหม่แห่งการเติบโต” หอการค้าไทยมุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ มี 4 ด้านที่หอการค้าฯ ให้ความสำคัญ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการ “Empowering SMEs & Strengthening Public–Private Partnerships” ด้วยการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งเป็นสมาชิกหลักของหอการค้าไทยทั่วประเทศ ให้สามารถเอาชนะข้อจำกัด เข้าถึงโอกาสใหม่ และพร้อมแข่งขันในเศรษฐกิจยุคเปลี่ยนผ่าน
ต้องยอมรับว่า SMEs เป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ แต่ยังเผชิญอุปสรรคหลากหลาย ทั้งด้านเงินทุน เทคโนโลยี การจัดการ และบุคลากร คณะกรรมการหอการค้าไทยในวาระของผม จึงได้จัดตั้ง คณะกรรมการ SME Development Center ขึ้น ภายใต้การนำของคุณพลิษศร์ ภิรมย์ภักดี รองประธานกรรมการ เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เชิงรุกเพื่อช่วยปลดล็อกข้อจำกัด และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการ
สำหรับโครงการ Big Brother ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการฯ ถือเป็น Flagship Project ที่หอการค้าไทยภาคภูมิใจ โดยตลอด 8 รุ่นที่ผ่านมา ได้พิสูจน์แล้วว่า ความร่วมมือระหว่าง “พี่เลี้ยง” และ “น้องเลี้ยง” สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ทั้งในด้านองค์ความรู้ การให้คำปรึกษา การสนับสนุนด้านเงินทุน ไปจนถึงการพัฒนากระบวนการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพ และขยายโอกาสทางธุรกิจ ดังนั้น การลงนามบันทึกความร่วมมือในวันนี้ จึงเป็นสัญลักษณ์ของเจตนารมณ์ร่วมกัน ในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการที่เข้มแข็งที่สุดโครงการหนึ่งของประเทศ ให้สามารถปลดล็อคศักยภาพ และเติบโตในโลกการแข่งขันของธุรกิจได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป ดร.พจน์กล่าว
นายพลิษศร์ ภิรมย์ภักดี รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการ SME Development Center กล่าวว่า จากผลลัพธ์ของโครงการฯ ตลอดระยะเวลากว่า 8 Season มีบริษัทSMEs ที่ได้รับการบ่มเพาะทางธุรกิจทั้งสิ้น 493 บริษัท ได้รับการประเมินมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจหลังเสร็จสิ้นโครงการ โดยศูนย์เอสเอ็มอี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า สามารถสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้กับบริษัทน้องกว่า 6,000 ล้านบาท ถือเป็นผลสำเร็จจากโครงการ Big Brother อย่างเห็นได้ชัด ที่มุ่งเน้นเนื้อหาที่เข้มข้นในการสร้างความยั่งยืนให้กับผู้ประกอบการไทย รวมไปถึงโอกาส Business networking มากขึ้น ตามแนวคิด Sustainable Path For Intelligence Growth ผนวกกับกิจกรรมตามแผนงานโครงการฯ จะเป็นลักษณะ Hybrid คือ ผสมผสานระหว่างการทำกิจกรรมร่วมกันในรูปแบบ On-site และ Online โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 8 เดือน ในการบ่มเพาะบริษัทน้อง
“สำหรับโครงการ Big Brother ถือเป็นความสำเร็จของหอการค้าไทย ร่วมกับบริษัทพี่เลี้ยงกว่า 30 หน่วยงาน ที่ให้การสนับสนุนและความร่วมมือด้วยดีเสมอมา เพื่อช่วยให้ธุรกิจของบริษัท SMEs ซึ่งถือเป็นสมาชิกส่วนใหญ่ของหอการค้าไทยในปัจจุบัน สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างเข้มแข็งในทุกสถานการณ์ ทั้งนี้ โครงการจะยิ่งทวีความเข้มข้น เพิ่มเติมองค์ความรู้ในมิติต่างๆ อย่างครบถ้วน อีกทั้ง ในอนาคตอันใกล้นี้ เรากำลังศึกษาเพื่อนำ Generative AI มาเรียนรู้ Big data ที่เกิดจากการ Coaching and Mentoring ของพี่เลี้ยง และน้องเลี้ยง ในทุก Season ที่ผ่านมา เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้คำแนะนำการทำธุรกิจ ต่อยอดการขยายโอกาส สร้างช่องทางใหม่ๆ ได้อย่างดียิ่งขึ้น” นายพลิษศร์ กล่าว